
อาการปวดท้องหนัก เบา ดูจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตคนเรา หากมันเกิดมีอาการช่วงหัวค่ำนั้นยังพอทน แต่ถ้ามันมีอาการกลางดึกสงัดในห้วงของการหลับใหลดิ่งลงลึกจนแทบจะสนิทแล้วนั้น พาลจะทำให้เสียอารมณ์ขึ้นมา ยิ่งด้วยต้องเดินออกไปไกลด้วยลักษณะการปลูกสร้างบ้านเรือนแถบถิ่นของเรา ทั้งหมดมักจะสร้างห้องสุขาไว้นอกตัวบ้าน แต่จะใกล้หรือไกลบ้างนั้นก็สุดแท้แต่ ขอเพียงแค่อยู่ในบริเวณบ้านเป็นใช้ได้
ในตอนแรกผมพยายามจะกลั้นเอาไว้เพราะหลังจากดูนาฬิกาแล้วเป็นเวลาเกือบจะตีสาม อีกไม่นานจะต้องตื่นขึ้นมาหุงหาอาหาร แต่ด้วยเพราะความหนาวเย็นแทรกซึมผ่านผ้าห่มบาง ๆ มากดเอาที่ท้องน้อยของผม ในช่วงแรกมันก็เบา ๆ หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป หรือไม่ก็คงด้วยที่ผมไปคิดถึงมันมากเกินไปจนทำให้รู้สึกปวดมากขึ้นไปอีกจนทนไม่ไหว ในที่สุดก็ต้องลุกขึ้นพร้อมกับเดินลงจากบ้านฝ่าลมหนาวไปที่ข้าง ๆ บ้าน ที่มีพุ่มไม้ขึ้นอยู่ ผมปลดปล่อยของเหลวอุ่น ๆ นั่นอย่างผ่อนคลายพร้อมก้มลงมองเจ้าน้องชายของตัวเองอย่างชื่นชมในรูปร่างและลักษณะของมัน แล้วทันใดนั้นเองผมก็ตกใจจนขนลุกเกลียวไปทั้งตัว เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นร่างเงาคล้ายกับคนร่างหนึ่ง เดินลงมาจากบ้านไอ้เด่นเพื่อนร่วมห้องเรียน แต่ไม่ใช่ไอ้เด่นและไม่ใช่พ่อของมันอย่างแน่นอน เพราะพ่อของมันไปทำงานในเมืองหลวงจะกลับมาก็นาน ๆ ครั้งหรือไม่ก็เทศกาล ในความกลัวยังพอมีความกล้าอยู่บ้าง เมื่อแสงพระจันทร์ส่องไปที่ตัวของร่างนั้น ผมจึงมั่นใจได้ว่าเป็นคน ผมสะบัดเจ้าน้องชายก่อนจะเก็บมันเข้าที่ ตาของผมเริ่มสว่างขึ้นและในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปนอนก็ต้องสะดุ้งอีกเมื่อเห็นร่างของคนกำลังเดินลงบันได ด้วยระยะที่ไม่ไกลมากนัก พร้อมกับความสว่างในคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้ผมมั่นใจว่านั่นคือน้าดวง แม่ของไอ้เด่น ผมเดินเลี่ยงมาอีกฝั่งเพื่อซ่อนตัวเพราะกล้วว่าเธอจะเห็น แล้วไม่นานเธอก็นั่งลงอย่างคนปัสสาวะ โดยหันหน้ามาทางผม ผมพยายามมองไปตรงนั้นแต่ก็มีแต่ความมืดจนมองไม่เห็นอะไร หลังจากนั้น ผมจึงเก็บความสงสัยเอาไว้ ผมนอนไม่หลับอีกเลยจนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องตื่น
หลังกลับจากเก็บผักในป่าหลังหมู่บ้าน ผมเจอกับน้าดวงพอดี แกก็ทักทายอย่างปกติ จะเป็นผมต่างหากที่ดูจะแปลกไป ผมมองน้าดวงอย่างไม่เหมือนเดิม แม้จะอย่างไรผมก็ไม่อยากให้สิ่งที่ผมเห็นเป็นไปตามที่คิด
กลางดึกสงัดในห้วงเวลาแห่งการหลับใหลให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากการกรำงานหนักมาตลอดวัน ผมตื่นขึ้นไม่ใช่เพราะต้องการทำธุระส่วนตัว แต่น่าจะเป็นเพราะความที่เมื่อคืนตื่นเวลานี้ เป็นไปได้ที่จิตใต้สำนึกจะมาเขย่าตัวผมให้ตื่นเพราะคิดว่าเป็นเวลาตื่นนอน ผมนอนเล่นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งอาการปวดท้องเบาเริ่มมากระตุ้น ผมไม่ลังเลที่จะไปทำธุระเพราะรู้ว่าฝืนไปก็ไร้ผล ผมเดินลงไปทำธุระจนแล้วเสร็จ แล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ดำเนินเหมือนเมื่อวานอย่างเป๊ะ ๆ หากจะมีเปลี่ยนแปลงไปก็คือชายคนนั้น
หลังจากวันนั้นในเวลาเดิมผมก็หมั่นเฝ้าสังเกตอยู่เกือบสองสัปดาห์จึงรู้ว่าชายที่ผลัดเปลี่ยนกันหมุนเวียนเข้ามานั้นมีอยู่สามคน ซึ่งไม่เคยมีสักวันที่จะไม่มีใครเข้ามาและทั้งสามคนก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเรา ผมเก็บความสงสัยใคร่อยากรู้เอาไว้ไม่ไหวจนต้องหาโอกาสรู้ให้ได้ว่าคืออะไร จนกระทั่งโอกาสนั้นมาถึง
บ่ายวันหนึ่งผมเห็นหน้าดวงถือตะกร้าและแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปหาของป่า ผมจึงรีบจัดแจงแต่งตัวเพื่อที่จะติดตามไปถามไถ่เรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แน่ชัด ระหว่างที่น้าดวงเดินดิ่งมุ่งตรงไปทางหลังหมู่บ้าน ผมก็เดินจ้ำอ้าวเพื่อให้ทันเธอ กว่าจะทันก็เล่นเอาหอบ เธอสะดุ้งนิดหน่อยเพราะตกใจ ไม่คิดว่าจะมีใครตามมา ผมหอบเหนื่อยก่อนจะเดินคู่ไปกับน้าดวง ผมพูดไปหลายต่อหลายเรื่องเพราะยังทำใจกล้าพูดเรื่องที่ต้องการไม่ได้ จนเมื่อรวบรวมความกล้าได้แล้ว ผมจึงถามเธอออกไปว่าผู้ชายเหล่านั้นมาทำอะไรที่บ้านของเธอ น้าดวงสะดุ้งและทำสีหน้าตกใจนั่นคงเพราะไม่คิดว่าจะมีใครรู้ หรือไม่ก็คงไม่คิดว่าเด็กอย่างผมจะรู้เรื่องราวความเป็นไปอย่างละเอียด เธอก้มหน้าเงียบก่อนจะถอนหายใจ แล้วค่อย ๆ เงยใบหน้าสวย ๆ ของเธอขึ้นมา ตอนนั้นตัวผมเองแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าน้าดวงที่ผมเห็นอยู่ทุกวี่ทุกวันจะสวยขนาดนี้ ทั้งหุ่นที่อวบแน่นและผิวพรรณนวลเนียนยิ่งทำให้เธอน่าสัมผัส ใบหน้าของหญิงที่เพิ่งจะเข้าเลขสี่แต่กลับอ่อนกว่าใบหน้าของหญิงรุ่นน้องหลายคนในหมู่บ้านเรา แล้วเธอก็พูดเสียงเบาแล้วกำชับกับผมหลายต่อหลายรอบว่าถ้าบอกแล้วอย่าบอกใครนะก่อนน้าดวงจะฉุดแขนผมให้นั่งลง เรานั่งตรงข้ามจ้องหน้ากันในความเงียบก่อนที่อยู่ ๆ เธอก็เอนหลังกึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วถลกผ้าถุงขึ้นอย่างเร็ว เธอถลกสูงจนชายผ้าถุงไปกองที่ใต้ราวนมพร้อมถ่างขาออกจนสุดความกว้างในเวลาเดียวกัน เธอหันหน้าไปทางอื่นอย่างเหนียมอาย ส่วนผมก็จ้องหว่างขาของเธอย่างตะลึงงันและไม่กระพริบตา ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น ไม่คิดว่าจะต้องได้เห็นอะไรแบบนี้ ตรงกลางพงหญ้าดกดำนั่น มีเนื้อสีชมพูเข้มเป็นแถบแนวยาวจากบนลงล่างประมาณเกือบคืบ ผมจ้องมันอย่างไม่กระพริบตา เธอจึงทำลายความเงียบด้วยคำพูดประโยคหนึ่งว่า “พวกนั้นมาหาไอ้นี่นี่แหละ” ผมรู้ทันทีว่าหมายถึงอะไร เจ้าความเป็นชายของผมตอดตุบ ๆ อยู่ในกางเกง แล้วน้าดวงก็ถามว่าผมเคยหรือยัง แล้วเธอก็หัวเราะเมื่อผมสั่นหัวปฏิเสธอย่างเขินอาย “งั้นให้น้าช่วย” เธอพูดพร้อมกับยุดที่แขนเพื่อให้ผมขยับไปใกล้เธอ แล้วเธอก็จับมือผมไปจับตรงนั้นของเธอ หัวใจผมเต้นรัวและแรง มันแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากช่องอก สัมผัสแรกที่ผมรู้สึกคือพงหญ้าเส้นยาวและแข็งลากไปที่หลังมือก่อนที่จะสัมผัสได้อีกว่าตรงนั้นมันเปียกแฉะอยู่ไม่น้อย ผมเอามือลูบตามที่ตัวเองอยากทำแล้วเมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกัน ผมก็เริ่มที่จะเล่นกับมัน ไม่นานนักมือผมเปียกไปทั้งมือ หน้าดวงครางฮือเบา ๆ เมื่อผมเอานิ้วมือสอดเข้าไปในนั้น ผมเริ่มสนุกแล้วสิ แล้วน้าดวงก็จับมือผมเพื่อให้ผมหยุด ก่อนจะพูดต่อว่า “อย่าลืมนะ อย่าบอกใครเรื่องนี้และอีกอย่างเธอต้องต่อคิวนะถ้าอยากทำอะไรมากกว่านี้” ผมพยักหน้ารับก่อนเธอจะดึงตัวผมไปกอดแล้วเราก็จูบกันท่ามกลางแสงแดดร้อนในฤดูหนาว
Comment "น้าดวง 1"
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์