
สวัสดีค่ะ เห็นมีเรื่องทางบ้านเขียนกันมาแนวมีอะไรกับคนในครอบครัวเยอะมาก อยากทราบว่าคนเขียนแต่งมาหรือเป็นเรื่องจริงคะ? เราอายุ36ปีแล้วมีลูกชาย17ปีเราอยู่กันแค่2คนแม่ลูกที่คอนโดแถวพระราม9 สามีเราเสียไป11ปีกว่าแล้วค่ะ แต่โชคดีที่เขาทิ้งสมบัติไว้ให้มากพอสมควรเราเลยไม่เดือดร้อนในการเลี้ยงลูกเลย คอนโดที่เราอยู่เป็นคอนโด2ห้องนอนมีห้องน้ำในตัวทั้งสองห้องและมีห้องครัวและห้องโถงด้วยซึ่งมีเนื้อที่80ตรม.อยู่มุมตึกห้องค่อนข้างใหญ่แต่ส่วนกลางก็แพง60บาทต่อตารางเมตร เพราะเราซื้อไว้สำหรับอยู่กับลูกเพื่อให้เขาได้มีความเป็นส่วนตัว ก่อนหน้านี้เราอยู่บ้านแต่เราไม่มีเวลาดูแลบ้านต้องไปคึยกับลูกค้าทำงานไกลๆและกลับบ้านดึกตลอดและลูกก็ไปเรียนไม่มีใครอยู่บ้านและบ้านมี3ชั้นหลังใหญ่มากดูแลไม่ไหวเราเลยขายบ้านมาอยู่คอนโด ซึ่งการมาอยู่คอนโดนี่เองค่ะที่เป็นปัญหาคือปกติลูกชายของเราเขาเป็นเด็กร่าเริงพูดเก่งเราจะพูดคุยกันเหมือนเพื่อนเหมือนพี่น้อง เราไม่เคยด่าลูกไม่เคยตีลูกเลยตั้งแต่เขาเกิดเมื่อก่อนตอนปู่กับย่าเขายังไม่เสียท่านจะรักและหวงเขามากเพราะเป็นหลานชายคนเดียวและท่านคอยสอนหลานให้เป็นเด็กดีคอยอบรมเขามาจนท่านทั้ง2เสียไปเราจึงได้มีสิทธิ์เลี้ยงลูกได้เต็มที่แต่การสอนของเราส่วนใหญ่ก็เอาวิธีสอนของปู่กับย่ามาสอนลูกเพราะเราเห็นว่าเป็นคำสอนที่ดีที่สุดแล้ว ลูกเราจึงเป็นเด็กดีมาตลอดใครๆก็ชื่นชมเขา แต่มาระยะหลังๆมานี้เขาแปลกๆไปไม่ค่อยพูดเล่นไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน เราถามเขาและต้องการให้เขาเปิดใจคุยกับเราเพราะปกติเราก็อยู่กันแบบพี่แบบเพื่อนมากกว่าแต่เขาก็ตอบว่าเขาปกติดีไม่ได้มีปัญหาอะไรและพยายามบอกเราไม่อยากให้เราคิดมากด้วย เราเองก็เริ่มจะเบาใจได้แต่มีอยู่วันหนึ่งเราต้องไปหาลูกค้าที่ จ.พิษณุโลกและต้องกลับมาเซนต์สัญญากับลูกค้าที่บางกะปิซึ่งวันนั้นพนักงานคนขับรถเราเขาบอกเราว่าลูกค้าที่เราจะไปหาอยู่แถวบ้านเกิดของเขาซึ่งเขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายปีแล้วเขาขอเราแวะบ้านสักแป๊ปหนึ่งได้ไหมอยากไปเยี่ยมแม่ของเขา เราฟังแล้วก็รู้สึกซึ้งใจเลยบอกเขาว่าถ้าจะอยู่ค้างคืนที่บ้านก็ได้เดี๋ยวขากลับเราจะขับกลับเอง เขาก็ดีใจขอบคุณเราใหญ่เลยทำให้วันนั้นต้องเราขับรถกลับมาที่บางกะปิและขับกลับถึงคอนโดเกือบตี1กว่าจะอาบน้ำนอนก็น่าจะเกือบตี2วันนั้นเราเลยหลับเป็นตาย เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นมาลุกขึ้นรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมดและเรารู้สึกแสบๆที่ช่องคลอดแปลกๆตอนแรกเราคิดว่าชุดชั้นในทำให้คันและแสบมั้งแต่พอเราไปอาบน้ำเราถึงได้รู้ว่าช่องคลอดเราถูกเสียดสีกับอะไรบางอย่างจนมันถลอกแดงและที่สำคัญคือมันมีน้ำขุ่นๆขาวๆเหนี่ยวๆไหลออกมายิ่งเราล้วงก็ยิ่งมีเยอะซึ่งเรารู้ดีว่ามันคืออะไร ตอนนั้นเราตกใจมากนี้มันมาได้ไงสมองคิดอย่างเดียวว่าเราอยู่กับลูกแค่2คนเท่านั่นแล้วจะมีใครเข้ามาได้ล่ะ? ในใจเราตอนนั้นรู้แล้วว่าเราโดนอะไรแต่เราภาวะนาในใจว่าขอให้เป็นคนอื่นขออย่าให้เป็นลูกชายของเราเลย เรารีบอาบน้ำขณะอาบน้ำก็คิดไว้ว่าจะจับพิรุจลูกให้ได้จะไม่โว้ยวายตื่นตูมไปก่อนทั้งๆที่หัวใจมันร้อนรนเต้นแรงไปหมด พอเราออกไปก็เห็นลูกชายทำท่าทางปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาทำพูดกับเราว่าเมื่อวานแม่ไปไหนแล้วกลับมาถึงตอนไหนเพื่อทำตัวให้ดูปกติ แต่เราดูออกว่าลูกดูตื่นเต้นเหมือนกลัวอะไรอยู่ เขาขอตัวไป รร.และเมื่อเขาออกไปเราก็ไปเปิดดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ดูเหตุการณ์ในห้องโถง เราสปีดเวลาไปตอนที่เราอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอนเราซึ่งประมาณตี1กว่าๆแล้วเราก็นั่งปล่อยให้คลิปเดินไปเรื่อยๆในใจเราก็ลุ้นว่าขอให้มีคนอื่นเปิดประตูทางเข้าบ้านมาด้วยเถอะถึงแม้จะรู้ว่าคอนโดนี้บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ามาไม่ได้ก็ตามเพราะไม่อยากให้เป็นลูกชาย แต่เมื่อเวลาเดินไปถึงตอนตี3ประตูห้องลูกชายก็เปิดออกมาแล้วเขาก็เดินมาที่ประตูห้องเราและเปิดเข้าไปในห้องเราเราเห็นเช่นนั้นมือเท้าเย็นไปหมดหัวสมองเย็นวู๊บน้ำตาไหลออกมาเอง เราร้องไห้อยู่นานมากจนเห็นลูกเปิดประตูออกมาจากห้องของเราตอนตี4ครึ่ง วันนั้นเราร้องไห้หนักจนอ้วกและพยายามสงบจิตใจและตั้งคำถามว่าทำไมลูกถึงทำเช่นนี้กับเราได้ เราคิดได้แค่ว่าลูกเพิ่งอายุ17คงอยากรู้อยากลองเขาเลยมาลองทำกับเราแบบนี้ พอคิดได้ถึงแม้เราจะปวดใจแต่ในใจเราลึกๆก็เข้าใจความเป็นวัยรุ่นของลูกที่เสพสื่ออินเตอร์เน็ตได้ง่ายขึ้นทำให้เขาอยากรู้อยากลอง เรามองลูกและมองการเสพสื่ออินเตอร์เน็ตของสังคมปัจจุบันแล้ว เราก็ได้แต่ทำใจและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นเพราะแม้ว่าเวลาจะผ่านไปแค่คืนเดียวเราก็ไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขมันได้
ตอนแรกๆเราก็เสียใจมากนะแต่พอระงับอารมณ์ได้ ความโกรธจึงค่อยๆหายไป เราก็เริ่มตั้งสติได้หันมองดูตัวเองความจริงตัวเราก็ไม่ได้เจ็บหนักหรือเสียหายอะไรและเขาก็เป็นลูกของเราเป็นเลือดเนื้อของเราที่เราเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตจะไปฆ่าแกงเขาจับเขาเข้าคุกเราเองก็ทำไม่ได้ เรามองดูแล้วถ้าเราไปว่าไปด่าลูกเราก็ไม่ได้อะไรเราจึงปล่อยผ่านมันไปไม่รื้อฟื้นเรื่องราวขึ้นมาให้เป็นเรื่องใหญ่โต
การที่เรารู้ว่าตัวเองโดนลูกทำอะไรมาแล้วทำให้ทุกๆครั้งที่เจอหน้าลูกจึงมองหน้าลูกไม่ค่อยติด เวลาที่เจอหน้าเขาเราไม่ชอบสายตาของลูกที่มองเราด้วยสายตาที่รู้จักเราทุกจุดซ้อนเร้นท์ เราจึงต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตีเนียนไปเหมือนไม่รู้เรื่องที่เขาทำกับเรา เราจึงพยายามหลบหน้าเขาตลอด ซึ่งเราคิดว่าเรายอมทนอยู่แบบนี้ดีกว่า เพราะเราไม่อยากให้เขารู้ว่าเรารู้เรื่องที่เขาทำกับเรา ถ้าเขารู้ว่าเรารู้เรื่องที่เขาทำแล้วแต่กลับไม่ด่าไม่โกรธเขาเลยแบบนี้ เราคิดว่าอาจเป็นต้นเหตุให้เขากล้าเข้ามาทำอะไรเราอย่างเปิดเผยเพราะเห็นว่าเราไม่โกรธเขาแน่ๆ เราไม่รู้หรอกว่าการเลือกที่จะเงียบและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบนี้มันถูกต้องหรือมันผิดแต่เราคิดว่าให้เวลามันผ่านไปสักระยะหนึ่งเรากับลูกน่าจะกลับมาเป็นแม่ลูกกันเหมือนเดิมได้ถึงแม้ว่าจะเคยมีอะไรกันแต่สายใยของความเป็นแม่ลูกมันมีมากกว่า
Comment "ลูกทำอะไรกับร่างกายเรา"
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์